กทม.ผสานนิ้วโป้งร่วมนิด้า เปิดหลักสูตร"โตไปไม่โกง"ปลูกฝังเด็ก"มีคุณธรรม" เติบใหญ่ไม่คอร์รัปชั่น
ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ เมื่อเวลา ประมาณ 15.30 น. วันที่ 22 มิ.ย. ได้มีการจัดงานแถลงข่าว เปิดตัวโครงการหลักสูตรสีขาว หลักสูตร "โตไปไม่โกง" ซึ่งเป็นความร่วมมือกันของ ศูนย์สาธารณประโยชน์และประชาสังคม (สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์-นิด้า) องค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย และสำนักการศึกษา(สนศ.) กทม. โดยมีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานดังกล่าว พร้อมด้วย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดี นิด้า นายภิญโญ ทองชัย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และ รศ.ดร.จุรี วิจิตรวาทการ ประธานศูนย์สาธารณะประโยชนฯ ร่วมแถลงข่าว
ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า เหตุการณ์ความไม่สงบของบ้านเมืองแสดงให้เห็น ถึงการตอกย้ำคุณธรรมที่ต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เด็กเพื่อให้พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้า โดยหลักสูตร "โตไปไม่โกง" นี้กทม. ได้รับความร่วมมือจากนิด้า ในการพัฒนา ซึ่งจะไม่ใช่วิธีการท่องจำเหมือนวิชาหน้าที่พลเมืองสมัยก่อน แต่จะเป็นไปในรูปแบบที่น่าสนุก ทำให้เด็กๆ ไม่เบื่อ ด้วยการประยุกต์วิธีการเรียนการสอน เช่นนำเอานิทานความรู้ การร้องเพลงและทำกิจกรรมที่สนุกสนานโดยสอดแทรกเรื่องคุณธรรมจริยธรรมไปในการสอนด้วย ซึ่งครูจะได้มีการอบรมทักษะที่ชำนาญ และจะเริ่มสอนในระดับอนุบาล-ประถมศึกษาปีที่ 3 เริ่มในเดือนสิงหาคมนี้ นำร่องที่ 280 โรงเรียน สังกัด กทม. หลังจากนั้นจะขยายสอบให้ครบ 431 โรงเรียน อย่างไรก็ตาม หากประสบผลสำเร็จ ทางสพฐ. จะนำไปใช้ได้กทม. ก็ไม่สงวนลิขสิทธิ์
ด้าน ศ.ดร.สมบัติ กล่าวชื่นชม กทม.ที่มีแนวคิดที่จะทำหลักสูตรนี้ขึ้นมา ส่วนตัวมองว่ากิจกรรมนี้เป็นโครงการที่ดีโครงการหนึ่งของกทม.ที่จะช่วยแก้ปัญหาระดับชาติ เพราะคนส่วนใหญ่มักมอง ว่า โกงไม่เป็นอะไรขอให้เก่ง แต่ความจริงแล้ว แนวคิดแบบนี้อันตราย เพราะแสดงให้เห็นว่าจำนนต่อความชั่วร้าย ดังนั้นการปลูกฝังเด็กตั้งแต่ระดับอนุบาลเป็นสิ่งที่ดีที่จะช่วยให้เด็กซึมซับคุณธรรมจริยธรรมที่ดี
ในตอนสุดท้าย นายอานันท์ ได้ขึ้นกล่าวให้แง่คิด กับหลักสูตร โตไปไม่โกงว่า ตนมีข้อสังเกต ความแตกต่างระหว่างสังคมไทย กับสังคมต่างประเทศ ต่างประเทศ เขาให้เรียนรู้ค่านิยมด้วยการเล่นกีฬา ไม่ใช่มีอยู่แต่ในห้องเรียน การเล่นกีฬาทุกประเภท มีกฎ กติการ ที่กำหนดไว้ ไม่ใช่ว่า สั่งสอนว่าต้องไม่โกง ทุกสิ่งมีกติกา ดีไม่ดี อีกเรื่องหนึ่ง ทุกคนต้องเคารพกฎกติกา ถ้าแพ้ก็แพ้อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ขี้แพ้ชวนตี ดังนั้น การอบรมบ่มนิสัยเด็กต้องเริ่มจากที่พ่อแม่ ไม่ใช่หลักสูตรดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่คิดกัน แต่ต้องไม่ลืมกลุ่มเป้าหมายคือเด็กๆ พร้อมกันนี้ อยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองมีส่วนร่วมด้วย เพราะต่อให้หลักสูตรดีอย่างไร แต่เมื่อกลับบ้านไปพ่อแม่อบรมบ่มนิสัยอีกอย่างหนึ่งก็อาจจะทำให้เด็กสับสนได้
"ผมคิดว่านิสัยไม่ได้เกิดขึ้นจากโรงเรียนอย่างเดียว แต่เกิดจากพ่อแม่ด้วย พ่อแม่ต้องมีส่วนเล่าประสบการณ์แลกเปลี่ยนให้ลูกฟังและเปรียบเทียบสิ่งดีสิ่งไม่ดี เป็นจิตวิทยาในการสอนเด็กอย่างหนึ่งเช่นอย่าเบียดเบียน อย่าเอาเปรียบเพื่อมนุษย์ซึ่งมันจะลามไปถึงการเบียดเบียนธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สังคม ฯลฯ ได้" นายอานันท์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายอานันท์ กล่าวว่า ครู เป็นกลุ่มเป้าหมายอีกกลุ่มที่สำคัญจะทำให้หลักสูตรนี้สำเร็จ รวมถึงระบบของโรงเรียนด้วย ซึ่งสังคมบางสังคมมักจะมองว่าจะขยับทำอะไรนั้นมีแต่ปัญหา แต่อย่าลืมว่าปัญหามีแต่โอกาสนั้นมีมากกว่าปัญหาเสมอ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากจบการแถลงข่าวแล้ว เด็กนักเรียนจากโรงเรียนวัดปทุมวนาราม ได้ออกมาโชว์เต้นและร้องเพลง "โตไปไม่โกง" ในห้องแถลงข่าว ก่อนจะออกไปเต้นกันที่บริเวณด้านหน้าหอศิลป์ ตรงสี่แยกไฟแดง ซึ่งสร้างความสนใจให้กับประชาชนมทั่วไปเป็นอย่างมา กรวมทั้งเด็กๆ ก็อยุ่ในอาการสนุกสนานที่ได้แสดงออกซึ่งกิจกรรมดังกล่าวด้วย
22 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เวลา 20:24:10 น. มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1277209610&grpid=01&catid=